ถ้าพอจะทราบหลักการเราก็คงพอจะรู้ว่า รถทุกคันที่ปลอดภาระสามารถที่จะขอสินเชื่อรถแลกเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถมือหนึ่งหรือรถมือสอง
เราก็สามารถขอสินเชื่อรถแลกเงินได้หลังจากที่ผ่อนหมดแล้ว เพราะธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ
รถแลกเงินก็ดูแค่ว่า เล่มทะเบียนของเราเป็นชื่อเราครอบครองกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์แล้วไม่ติดภาระผ่อนกับที่อื่นอยู่ แต่สิ่งที่คนสงสัยกันมากพอสมควรก็คือ
ถ้าเป็นรถมือสองที่ยังผ่อนกับธนาคารอยู่จะสามารถ
รีไฟแนนซ์รถได้หรือไม่ แล้วถ้าทำได้เงื่อนไขได้ดอกเบี้ยจัดเหมือนหรือแตกต่างกันไหม
เราสามารถรีไฟแนนซ์รถยนต์กับรถมือสองได้
ถ้าเราเอาเงื่อนไขของการให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถจากธนาคารมาเปิดดูเราจะพบว่า ทางธนาคารไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นสินเชื่อรถมือหนึ่งเท่านั้นถึงจะมาขอสินเชื่อรถแลกเงินและสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถได้
นั่นหมายความว่าไม่ว่าเราจะใช้รถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มือสอง หรือแม้กระทั่งรถที่ได้รับโอนจากคนอื่นมาเราก็สามารถขอสินเชื่อ
รถแลกเงินกับ
รีไฟแนนซ์รถกับธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆที่มีสินเชื่อประเภทนี้ได้เช่นกัน แต่ต้องเช็คให้ดีว่า รายละเอียดที่ธนาคารจะรับลูกค้าสำหรับสินเชื่อประเภทนี้จะมีระบุอยู่ว่า
ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือครอบครองเล่มทะเบียนกี่เดือนขึ้นไป เช่นธนาคารทิสโก้ก็จะกำหนดว่า ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของเล่มทะเบียนรถยนต์คันนี้ตั้งแต่
6 เดือนขึ้นไปถึงจะสามารถขอสินเชื่อรถแลกเงินได้
ถ้านำรถมือสองมา
รีไฟแนนซ์รถจะได้ดอกเบี้ยต่างกับ
รถแลกเงินไหม
อันที่จริงแล้วโดยปกติสินเชื่อ
รีไฟแนนซ์รถดอกเบี้ย แพงกว่า
รถแลกเงินอยู่แล้วครับ แต่เป็นประเด็นที่น่าคิดว่ารถมือสองกับรถมือหนึ่งนั้น จะได้อัตราดอกเบี้ยเท่ากันหรือไม่ จากการที่ผมไปสำรวจข้อมูลของหลากหลายธนาคารมาผมพบว่า
ไม่ได้มีธนาคารไหนที่ระบุเป็นพิเศษว่าถ้าหากเป็นรถมือสองจะคิดอัตราดอกเบี้ยแพงกว่ารถมือหนึ่ง แต่จะมีประเด็นที่ถูกคิดดอกเบี้ยแตกต่างกันตรงอายุของยางรถยนต์
โดยรถที่มีอายุต่ำกว่าและมีโอกาสที่จะถูกคิดดอกเบี้ยแพงกว่า มันจึงเป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ารถมือสองราคาดอกเบี้ยแพงกว่ารถมือหนึ่ง
ถ้าเอามาขอรีไฟแนนซ์รถ หรือมาทำสินเชื่อรถแลกเงิน เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วรถมือสองก็จะมีอายุมากกว่ารถมือหนึ่งนั่นเอง
ขอขอบคุณ บทความดีๆที่เรียบเรียงโดย
https://car.4cash.co เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลสินเชื่อรถแลกเงินรีไฟแนนซ์รถอันดับ 1 ของประเทศไทย