เพื่อนๆเคยสังเกตกันบ้างไหมครับว่า สินเชื่อบ้านจะมีอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ซึ่งจะคำนวณดอกเบี้ยใหม่ทุกครั้งในเช้าวันใหม่
แต่สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินและสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถนั้นจะเป็นแบบเดียวกันหรือไม่ เพราะหลายๆคนเห็นว่าเวลาที่เราไปขอกู้สินเชื่อจำนำรถจากธนาคาร
เค้าจะคำนวณดอกเบี้ยออกมาทีเดียวแล้วตีเป็นค่าผ่อนเป็นรายงวดให้เราทันที หลายคนจึงคิดว่าการกู้
รถแลกเงินและ
รีไฟแนนซ์รถอาจจะไม่ใช้สินเชื่อที่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจึงได้ถามเข้ามากับทางเราหลายคน วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับว่าหลักการคิดอัตราดอกเบี้ยของการรีไฟแนนซ์รถและรถแลกเงินนั้นธนาคารเขาคิดกันอย่างไร
และข้อควรระวังเวลาที่เราจะกู้สินเชื่อสองประเภทนี้คืออะไรบ้าง
อัตราดอกเบี้ยมีสองประเภท
- อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ซึ่งจะเห็นกันได้สินเชื่อบ้านและสินเชื่ออื่นๆที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ตัวอย่างเช่นสินเชื่อซื้อบ้านใหม่
สินเชื่อซื้อบ้านมือสอง หรือสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ซึ่งหลักการคิดอัตราดอกเบี้ยของรต้นลดดอกก็คือการเอาเงินต้นที่คงเหลือ
ณ เช้าวันนั้น มาคำนวณด้วยอัตราดอกเบี้ยที่หารเป็นรายวันแล้ว ได้ออกมาเป็นตัวเลขเท่าไหร่นั่นคือดอกเบี้ยประจำวันนั้นครับ
และสุดท้ายก็จะทบรวมกันเป็นรายเดือนเพื่อออกใบแจ้งหนี้ให้เราทีเดียวว่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในเดือนนี้เป็นเท่าไหร่นั่นเองครับ
- อัตราดอกเบี้ยแบบไม่ลดต้นลดดอก ซึ่งมักจะเห็นในสินเชื่อรถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อซื้อรถใหม่ สินเชื่อ
รีไฟแนนซ์รถ หรือสินเชื่อ
รถแลกเงิน โดยหลักการของการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบไม่ลดต้นลดดอกก็คือ การคำนวนดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่มากู้ คูณกับวงเงินที่อนุมัติ
และคูณกับจำนวนปี ซึ่งจะทำให้สินเชื่อนั้นได้รับการคำนวณค่างวดที่หารด้วยจำนวนเดือนเฉลี่ยของแต่ละเดือนอย่างพอดีๆ
มีวิธีบริหารสินเชื่อรถแลกเงินและรีไฟแนนซ์รถให้คุ้มค่าหรือไม่
จากการที่เราได้ดูแลการคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อรถแลกเงินและรีไฟแนนซ์รถแล้วว่าเป็นสินเชื่อที่ใช้อัตราดอกเบี้ยแบบไม่ลดต้นลดดอก
ดังนั้นเราควรตระหนักอยู่เสมอว่าการขอเงินกู้ครั้งนี้เราควรจะหาอัตราดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด เพราะเราไม่สามารถหาเงินมาโปะในภายหลังเพื่อให้ยอดหมดเร็วขึ้นได้
เพราะว่าสุดท้ายแล้ว ดอกเบี้ยก็ถูกคำนวณไปตั้งแต่วันแรกอยู่ดี ดังนั้นเราควรจะเลือกให้ดีครับว่าสินเชื่อ
รีไฟแนนซ์รถธนาคารไหนดีที่สุด และสินเชื่อ
รถแลกเงินธนาคารไหนดีที่สุดเพื่อให้เราได้ผ่อนแต่ละเดือนอย่างคุ้มค่าในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าคนอื่นนั่นเอง