เคยสงสัยกันไหมว่าเวลาที่เราอยากจะขอสินเชื่อจำนำรถจากธนาคารต่างๆไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อ
รีไฟแนนซ์รถหรือสินเชื่อ
รถแลกเงิน เวลาที่เราทำเรื่องสมัครขอสินเชื่อกับธนาคารไปเรามักจะไม่ได้เขียนวงเงินเพราะว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารจะบอกเราว่าวงเงินที่จะอนุมัตินั้น
จะประเมินตามราคาประเมินรถยนต์ก่อนเสมอ หลายคนจึงตั้งข้อสังเกตว่าถ้าหากรถยนต์ของเรามีมูลค่าสูงเป็น 1,000,000 - 2,000,000 บาท
แต่เราอยากใช้เงินแค่ไม่กี่แสนบาทแบบนี้เราจะสามารถขอวงเงินแค่ที่เราต้องการเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเยอะได้หรือไม่ แต่ในขณะเดียวกันบางคนก็บอกว่าให้เราพูมาก่อนแล้วค่อยเอาเงินส่วนที่ต้องการไปใช้
ส่วนวงเงินที่เหลือที่ไม่ได้ใช้ก็ค่อยเอามาโปะคืนแบบนี้จะคุ้มกว่าหรือไม่ วันนี้เราจะมาดูกันครับว่าสินเชื่อทั้งสองประเภทนี้
คือรถแลกเงินและรีไฟแนนซ์รถมีรูปแบบการคำนวนดอกเบี้ยเป็นอย่างไร และในกรณีที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ทำแบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน
ต้องมารู้วิธีคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถกันก่อน
ปกติแล้วสินเชื่อ
รีไฟแนนซ์รถจะคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่ครั้งแรก นั่นหมายความว่าถ้าเราขอกู้เงินสองล้านบาทและดอกเบี้ย 6% ต่อปี ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณตั้งแต่วันแรกก็คือใช้ตัวเลขสองล้านบาทมาคำนวณเป็นดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายแล้วหารเป็นรายเดือนทันที
นั่นหมายความว่าถ้าเรากู้นานก็จะเสียดอกเบี้ยเยอะกว่า เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยนั้นคิดเป็นดอกเบี้ยต่อปี ถ้าเรากู้ 5 ปี เวลาธนาคารคำนวณอัตราดอกเบี้ยก็จะคิดทุกปีเป็นจำนวน
5 ครั้ง นั่นหมายความว่าต่อให้เราเอาเงินมาโปะ ก็ไม่ได้ทำให้ดอกเบี้ยของเราลดลงเลยเนื่องจากดอกเบี้ยถูกคำนวณกับเงินต้นไว้ตั้งแต่ตอนที่เราขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถกันแล้ว
ถ้าให้ตอบคำถามที่อยู่ในย่อหน้าแรกว่าการกู้เงินมาเยอะๆไว้ก่อนแล้วค่อยเอาเงินมาโปะ จะคุ้มหรือไม่ ขอตอบได้ทันทีเลยว่าไม่คุ้มครับ
วิธีคำนวณดอกเบี้ยของรถแลกเงินก็เช่นกัน
พูดกันถึงเรื่องสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถแล้ว เรามาดูในมุมของสินเชื่อ
รถแลกเงินกันบ้าง ซึ่งจากการที่ผมสอบถามเข้าไปยังธนาคารต่างๆ พบว่าอาการคิดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรถแลกเงินก็จะใช้วิธีการคำนวณดอกเบี้ยจากวงเงินที่ขอในครั้งแรกคูณกับอัตราดอกเบี้ยรายปีเหมือนกับรีไฟแนนซ์รถไม่มีผิดเลยนะครับ
โดยสิ่งเดียวที่แตกต่างกันระหว่างชาลีไฟแนนซ์รถและรถแลกเงินก็คือค่าธรรมเนียมการไปปิดบัญชีสินเชื่อที่เก่า และวงเงินที่จะได้น้อยลงเนื่องจากต้องแบบเงินส่วนหนึ่งไปปิดบัญชีกับธนาคารเก่านั่นเองครับ
ดังนั้นถ้าเราอยากจะคุ้มค่าที่สุดเราควรขอสินเชื่อจำนำรถเท่าที่เราจำเป็นก็พอ ว่าการขอมาเยอะกว่าความจำเป็นแล้วค่อยเอาไปใช้คืนทีหลังจะไม่คุ้มกับดอกเบี้ยนั่นเองครับ